
วันที่ 11 ก.ค.2563 ที่โรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระครูสุวรรณศาสนคุณ (หลวงปู่นาม สาสนฺปฺโชโต) เจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ได้ละสังขารในวัย 98 ปี 11 เดือน 23 วัน โดยถือครองพรรษาที่ 69 พรรษา สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่บรรดาลูกศิษย์ ที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก โดย 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลวงปู่นาม ได้ล้มป่วย ด้วยอาการเหนื่อยหอบ ทางลูกศิษย์จึงนำหลวงปู่นาม เข้าตรวจเช็กที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต กระทั่งพบอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ทางคณะแพทย์จึงถวายการรักษาตลอดมา กระทั่งล่าสุดแพทย์ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ เพราะหลวงปู่นามมีอาการต่างๆ ทั้งหัวใจเต้นผิดจังหวะ ติดเชื้อในกระแสเลือด ถุงลมโป่งพอง และไตวายเรื้อรัง และละสังขารในที่สุด
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลวงปู่นาม ได้สร้าง และพัฒนาวัดน้อยชมภู่ จนมีความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหา ตลอดจนวัตถุมงคลของหลวงปู่นาม เป็นที่สนใจของบรรดาเซียนพระ เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงปู่นาม มีประสบการณ์ทั้งทางด้านเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย หลังทราบข่าวการมรณภาพ ประชาชนพากันเดินทางไปกราบสรีรสังขารที่จะบรรจุไว้ในโลงแก้วที่หลวงปู่นาม ได้สั่งช่างทำเอาไว้ก่อนจะละสังขาร พร้อมบูชาวัตถุมงคลกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมเล็งเอาเลขที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่นาม รวมถึงเลขทะเบียนรถตู้ 7786 กรุงเทพมหานคร ที่นำสรีระหลวงปู่นาม มาวัดเพื่อไปเสี่ยงโชคด้วย
สำหรับประวัติ พระครูสุวรรณศาสนคุณ หรือหลวงปู่นาม ถือกำเนิดที่หมู่บ้านทำเล ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ ในวันที่ 18 กรกฎาคม 2464 ในตระกูล "มณีวงษ์" มีนามเดิมว่า "นาม มณีวงษ์" เป็นบุตรของคุณพ่อสา คุณแม่บัว มณีวงษ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน 7 คน โดยหลวงปู่นาม เป็นบุตร คนที่ 4 ในวัยเด็กได้เข้าเรียนหนังสือในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดศรีจันต์ จนจบ ป.4 เมื่อครบอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ในปีพุทธศักราช 2484 และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เหมือน อดีตเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู โดยได้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ธรรมปฏิบัติ วัตรปฏิบัติ และปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จนกระทั่งฝึกท่องบทสวดปาฏิโมกข์ได้ด้วยความใฝ่รู้ใฝ่เรียนของทนตั้งแต่เยาว์วัย
หลังจากหลวงปู่นาม ครองเพศบรรพชิตได้ 8 พรรษาก็ลาสิกขา เพื่อมาประกอบอาชีพ และดูแลโยมแม่ได้ 1 ปี ช่วงนั้นวัดน้อยชมภู่ ได้กลายเป็นวัดร้าง ไร้พระจำพรรษา ญาติโยมจึงขอให้หลวงปู่นาม กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์อีกครั้งในวัย 29 ปี หลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ และรักษาการเจ้าอาวาส ในขณะนั้น พร้อมกับได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมเอก และฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ร่ำเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่อไสว ควบคู่ไปกับการเล่าเรียนศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ทั้งในด้านการเจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน และการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล
นอกจากนี้ หลวงปู่นาม ยังได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระฆัง หลายครั้งเพื่อศึกษาวิชา โดยได้รับความเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระธรรมธาดาจารย์ (หลวงปู่แนบ) ซึ่งสืบทอดพุทธาคมในสายสมเด็พระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ด้วยหลวงปู่แนบ เห็นว่าศิษย์ผู้นี้มีบารมีมาก ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลาย จึงประสิทธิประสาทวิชาถ่ายทอดให้ความรู้ พร้อมกับมอบตาฤาษี ซึ่งได้รับตกทอดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จโต ให้หลวงปู่นามเก็บรักษาไว้ ปัจจุบันยังอยู่ที่วัดน้อยชมภู่ด้วย และระหว่างอยู่วัดระฆัง หลวงปู่นาม มีความสนิทกับเจ้าคุณผัน และเจ้าคุณเที่ยงมาก โดยเจ้าคุณทั้งสองเรียกหลวงปู่นามว่า "หลวงพี่" ตลอด ต่อมาหลวงปู่จึงได้กลับมาอยู่วัดน้อยชมกู่ จนถึงปัจจุบัน